Guestpost โฟสฟรี ถ้าคุณมีสาระดีๆ ที่นี่เราให้คุณได้แบ่งปัน

ธุรกิจสร้างอินฟลูเอ...
 
Notifications
Clear all

ธุรกิจสร้างอินฟลูเอนเซอร์ "สัตว์เลี้ยง" โตแรงในตลาดออนไลน์สิงคโปร์

1 Posts
1 Users
0 Likes
311 Views
supachai
(@supachai)
Posts: 2470
Noble Member
Topic starter
 

2021-09-24-083628

.

.

ซัสช่า กับ ไปป์เปอร์ สองน้อนหมาหน้าตาหมดจดเปี่ยมแววเฉลียวฉลาด ขนปุกปุยขาวสะอ้าน ในชุดผ้าพันคอเก๋ไก๋ หายใจหอบเบาๆ พลางลุ้นเมื่อไรจะได้หม่ำขนมรางวัลที่มามี้ชูขึ้นแกว่งไปมาสุดแสนจะล่อใจ ขนมรางวัลที่หอมหวานรัญจวน ไม่ใช่จะล่วงเข้าปากง่ายๆ เพราะมามี้ต้องได้ภาพถ่ายที่ถูกใจก่อน จึงจะวางกล้องโทรศัพท์มือถือ แล้วมาป้อนขนมรางวัลให้อร่อยกัน

ในแต่ละวัน มามี้จะถ่ายภาพลูกน้อยขนฟูทั้งสอง ไปกำนัลแก่แฟนคลับสองหมื่นกว่ารายบนอินสตาแกรม แอคเคาน์ ชื่อว่า Lomodoggies เพื่อที่ทุกคนจะได้อิ่มเอมกับรูปแป๋วๆ แหววๆ และถ้อยคำดีๆ

ขณะที่หนุ่มเหน้าสาวสวยคู่นี้เป็นน้อนหมาเวสต์ ไฮแลนด์ ไวท์ เทอร์เรียระดับเซเลบของสิงคโปร์ มีผู้คนหลงใหลรักใคร่ในความจิ้มลิ้มน่ากอดของพวกเขากันอย่างมากมายนั้น ซัสช่า กับ ไปป์เปอร์ ยังเป็นสุดยอด “อินฟลูเอ็นเซอร์สัตว์เลี้ยง” ซึ่งก็คือสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลต่อการจูงใจให้ผู้บริโภคอยากซื้อของที่พวกเขาเชียร์อยู่บนโซเชียลมีเดียนั่นเอง

ที่ผ่านมา น้อนเวสตี้ทั้งสองได้แสดงโฆษณาสินค้าสารพัดสิ่ง ตั้งแต่เครื่องดูดฝุ่นที่เก็บกวาดขนน้อนหมาได้เรียบกริ๊บ ขนมและอาหารที่น้อนหม่ำๆๆ ด้วยท่าทางอร่อยลืมโลก ไปจนถึงรองเท้าที่ยั่งยืนเคียงคู่เขี้ยวน้อน

แต่สิงคโปร์ก็ยังมีสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพล ซึ่งทั้งแสนรู้ ทั้งน่ากอด โลดแล่นในโลกโซเชียลมีเดียอีกนับไม่ถ้วน เพราะประเทศมหาเศรษฐีโลกแห่งนี้มีธุรกิจขายสินค้าออนไลน์ที่เติบโตมโหฬารและแข่งขันดุเดือด เป็นตัวโหมกระพือ เอเอฟพีรายงานอย่างนั้น

สินค้าออนไลน์มหาศาลต้องการจ้างอินฟลูเอนเซอร์ "สัตว์เลี้ยง"

ธุรกิจสร้างอินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงเป็นเทรนด์แรง เพราะสินค้าออนไลน์มีมหาศาล และผู้คนหันมาอุ้มชูน้อนๆ เกร่อมาก

แบรนด์สินค้าซึ่งต้องการสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพล ไปช่วยโฆษณาผลิตภัณฑ์ นับวันแต่จะทวีปริมาณขึ้นอย่างมหาศาล โดยไม่ใช่เพียงแต่จะต้องการจ้างสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลเท่านั้น หากยังมีสารพัดแบรนด์ที่ต้องการสัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลหน้าสดๆ ใหม่ๆ ทั้งแบบสวยหวาน แบบฉอเลาะ ไปจนถึงแบบซื่อใส และจิ้มลิ้มแกมเอ๋อน่าเอ็นดู เพิ่มขึ้นมาตลอดเวลาด้วย

อิทธิพลของอินฟลูเอ็นเซอร์สัตว์เลี้ยง เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ไม่ยาก

1.เมื่อแบรนด์สินค้าอารมณ์ดีนำน้อนๆ หน้าตาน่ากอดมาช่วยโฆษณา ด้วยเนื้อเรื่องซาบซึ้งจับใจ โฆษณานั้นๆ สามารถประสบความสำเร็จเปรี้ยงปร้างได้ทันที กลายเป็นไวรัลที่ผู้คนและสื่อออนไลน์ปลาบปลื้มชื่นชมในชั่วข้ามคืน อันเป็นกลยุทธ์ Brand Awareness ตอกย้ำให้ลูกค้าคิดถึงและเอ่ยถึงแบรนด์แห่งดวงใจบ่อยครั้งในโมงยามดีๆ ของชีวิต

2. เมื่อแฟนคลับของเจ้าสัตว์เลี้ยงเซเลบ เห็นน้อนๆ ขวัญยี่หวาในคลิปโฆษณาสินค้า ย่อมจะสนใจติดตามชมคลิปจนจบ แถมยังจะดูซ้ำแล้วซ้ำอีก จนกว่าจะปลื้มเสร็จ ใช่แต่เท่านั้น ยังจะแชร์ไปให้พรรคพวกช่วยกันดู ช่วยกันเม้ามอย กลายเป็นไวรัลอย่างง่ายดาย

3. พอหลงใหลในเจ้าน่ารักที่แสดงลีลาโฆษณาอย่างเฉลียวฉลาด ผู้คนจะพลอยชื่นชมข้าวของเครื่องกินเครื่องใช้ที่นำเสนอมาพร้อมกับพวกเค้า และตามไปซื้อหามากินมาใช้ด้วย

4. ขนมนมเนย อาหารการหม่ำ ที่น้อนๆ ในโฆษณารับประทานอย่างเอร็ดอร่อย เสื้อผ้า -เครื่องประดับ - เครื่องใช้ - กระเป๋าเคลื่อนย้ายน้อนขึ้นรถไฟฟ้า สวยๆ งามๆ ที่น้อนอินฟลูเอนเซอร์ใช้สอยอยู่ในโฆษณา สามารถจูงใจให้ผู้คนอดไม่ได้ที่จะไปซื้อหามาปรนเปรอลูกน้อยขนฟูที่บ้านบ้าง

5.บางรายที่เงินถุงเงินถัง เห็นยัยน้อนบ้านอื่น สวมเครื่องประดับเพชร นั่งรถลีมูซีนแสนสุข ที่โฆษณาบอกว่า “ของดีที่สุดเท่านั้น จึงจะเหมาะสมกับเพื่อนที่ดีที่สุดของคุณ” ก็รีบไปถอยมาให้ลูกรักได้มีได้โดนเช่นกัน

แนวโน้มที่สัตว์เลี้ยงน่ารักน่าเอ็นดูหน้าใหม่ๆ แจ่มๆ จะผงาดขึ้นเป็นผู้ทรงอิทธิพลต่อการซื้อขายสินค้าบนอินเทอร์เน็ต จึงทะยานแรงแซงทุกเทรนด์ พร้อมกับทำให้ธุรกิจการสร้างอินฟลูเอ็นเซอร์สัตว์เลี้ยงหน้าใหม่กลายเป็นอุตสาหกรรมที่เติบใหญ่ร้อนแรงภายในสิงคโปร์ ประเทศมหาเศรษฐีที่ผู้คนแห่กันมาเลี้ยงสัตว์น่ารักเป็นเพื่อนบ้าง เป็นลูกบ้าง เพื่อความสุขใจและคลายเหงาในหลายปีที่มีการล็อกดาวน์เพื่อป้องกันการแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา

เอเอฟพีชี้ว่า เมื่อมีสัตว์เลี้ยงขึ้นมา มามี้และแดดดี้ในดินแดนลอดช่องก็เป็นกลุ่มชนซึ่งมีรายได้เหลือเฟือเพียงพอที่จะหมดเปลืองไปกับความสุขทางใจได้ โดยจะรักและดูแลสัตว์เลี้ยงในอารมณ์ที่ถือว่าพวกเขาเป็นสมาชิกของครอบครัว

ยิ่งกว่านั้น สังคมสิงคโปร์กำลังทยอยเปลี่ยนชีวทัศน์ สู่การมีสัตว์เลี้ยงแสนรัก ทดแทนการมีบุตร เพราะมองว่าใช้งบประมาณการเลี้ยงดูน้อยกว่ากันมหาศาล แต่ให้ความสุขและอบอุ่นใจประมาณกัน

ซัสช่า-ไปป์เปอร์ทำรายได้ให้มามี้หลายพันดอลลาร์สหรัฐอเมริกา มีบริษัทตัวแทนคอยป้อนงาน

ทุกวันนี้ มีผู้คนหลงใหลรักใคร่เข้าไปติดตามภาพถ่ายและเรื่องราวของแม่สาวซัสช่าและพ่อหนุ่มไปป์เปอร์ ที่แอคเคาน์ Lomodoggies บนอินสตาแกรมกันมากกว่า 24,000 ราย โดยมามี้ของน้อนเวสตี้ จะมีหมวกเท่ ผ้าพันคอเก๋ สายสร้อยไฉไล แว่นตาสุดฮิป พร้อมตุ๊กตามุ้งมิ้ง มาตกแต่งเสริมหล่อเพิ่มสวย ให้ทั้งสองสวมใส่พรักพร้อมแก่การเข้ากล้อง เพื่อจะโชว์ลิ้นสีชมพู ทำตาแป๋วๆ อวดแฟนคลับขณะถูกถ่ายภาพตามสถานที่สวยงามต่างๆ ทั่วสิงคโปร์

บริษัทตัวแทนของช่าและไปป์เป็นบริษัทขนาดใหญ่ในสิงคโปร์ ชื่อว่าเดอะ วูฟ เอเจนซี (The Woof Agency) ซึ่งจับตลาดเซ็กเมนต์ที่ใช้อินฟลูเอ็นเซอร์กลุ่มสัตว์เลี้ยง

เดอะ วูฟ เอเจนซี มีดาราระดับแม่เหล็กทรงพลังหลากหลายตัว เช่น พี่หง่าว นามว่า "บรอสซี เหมียวอิงตัน” (Brossy Meowington – บรอสซี่ ล้อมาจากคำว่า บอสซี่ คือจ้าวนายจอมสั่งนั่นเอง ส่วนเหมียวอิงตัน คือล้อกับนามสกุลดัง Washington พร้อมกับเป็นการสร้างคำแบบที่ละม้ายกับคำว่า เหมียวสกุล พอเรียกได้) โดยพี่เหมียวหง่าวมีผู้ติดตามบนอินสตาแกรมมากกว่า 50,000 ราย คุณเจน เปะฮ์ ผู้ร่วมก่อตั้งบริษัทเดอะ วูฟ เอเจนซี ให้ข้อมูลแก่เอเอฟพี

เจน เปะฮ์ ผู้ร่วมก่อตั้ง The Woof Agency ให้สัมภาษณ์แก่เว็บไซต์นักวิเคราะห์กลุ่ม global-perspectives.org.uk ว่าเส้นทางความสำเร็จในแบบของคุณเอ้อร์ ที่สร้างดาราขวัญใจมหาชนขึ้นมาด้วยตนเอง และแบรนด์ต่างๆ เป็นฝ่ายวิ่งเข้าไปเสนองานให้นั้น เป็นปรากฏการณ์พิเศษของโลกโซเชียลมีเดีย

ทั้งนี้ เป็นเพราะบนแพลตฟอร์มขนาดมหึมาอย่างอินสตาแกรม โอกาสถูกเปิดกว้างให้คนเดินดินธรรมดาคนหนึ่ง เสนอภาพ-คลิป-กระทู้ซึ่งสุดยอดจะโดนตาบาดใจ สื่อสารตรงไปถึงผู้คนเรือนหมื่นเรือนแสนทั่วโลก

ดังนั้น นับเป็นเรื่องธรรมดาที่ว่าภายในเวลาสั้นๆ ลูกน้อยขนฟูของคุณเอ้อร์ ก็ได้เสียงตอบรับล้นหลาม และกลายเป็นคู่ขวัญสุดเลิฟของประชาชน แล้วงานโฆษณาค่าจ้างแพงๆ จากเจ้าของแบรนด์สินค้าต่างๆ ก็หลั่งไหลเข้าไป

คุณเจนกล่าวกับเอเอฟพีว่าเทรนด์ขายสินค้าด้วยเสน่ห์แห่งสัตว์เลี้ยงน่ารักน่ากอดนั้น พุ่งแรงจริงๆ ในรอบหลายปีนี้ โดยยังไม่เห็นวี่แววที่จะซาตัวลงเลย เธอยืนยันมั่นใจว่าความต้องการให้สัตว์เลี้ยงน่ารักที่ทรงอิทธิพลต่อหัวจิตหัวใจของผู้คน มาช่วยสร้างความเชื่อมั่นในสินค้าจะยั่งยืนกันอีกนานโดยจะขยายขึ้นอีกอย่างต่อเนื่อง

ทั้งนี้ เธอชี้ประเด็นไว้กับ global-perspectives.org.uk โดยให้ตัวเลขว่าขนาดของอุตสาหกรรมการส่งเสริมการขายด้วยแรงจูงใจแห่งอินฟลูเอนเซอร์นั้นเพิ่มขึ้นทุกปี โดยในปีหน้า (2022) อุตสาหกรรมนี้จะทำเงินสูงถึง 15,000 ล้านดอลลาร์ โดยในส่วนของอินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยง ซึ่งเป็นปรากฏการณ์ค่อนข้างใหม่ จะเติบโตแรงจัดด้วย 2 ตัวช่วยสำคัญ คือ ความเฟื่องฟูของการมีสัตว์เลี้ยงอยู่ในบ้านซึ่งขยายตัวเพิ่มขึ้นอย่างไม่หยุดยั้ง กับความร้อนแรงของโลกอินเทอร์เน็ต ที่ทำให้ผู้คนมีความผูกพันกับสัตว์เลี้ยงที่ได้เห็นบนโซเชียลมีเดีย

อยากประสบความสำเร็จ แค่ภาพสวย-หล่อยอดเยี่ยมน่ะ ยังไม่พอ

เมื่อ global-perspectives.org.uk ถามเจน เปะฮ์ว่าสิ่งใดทำให้สัตว์เลี้ยงสักตัวหนึ่งประสบความสำเร็จโด่งดังขึ้นมาในโซเชียลมีเดีย เธอตอบฟันธงว่า เนื้อหาที่ใช่และโดนใจ

เจ้าของสัตว์เลี้ยงมากมายเข้าใจผิดว่าจะต้องนำเสนอภาพที่คู่ควรกับอินสตาแกรม อาทิ มีแบ็กกราวน์เลอเลิศ มีความงดงาม และมีการตกแต่งภาพที่ยอดเยี่ยม ซึ่งก็มีบ้างที่โด่งดังขึ้นมาด้วยแนวทางเช่นนี้ แต่สำหรับ The Woof เนื้อหาเป็นเสน่ห์ที่ผูกใจให้ผู้คนติดหนึบติดหนับ

สัตว์เลี้ยงแต่ละตัวมีเรื่องราวของเขาเอง สุนัขของคุณอาจจะจู้จี้เลือกรับประทานเวอร์มาก แมวของคุณอาจจะเป็นมหารานีแสนสวยผู้เกลียดการอาบน้ำอย่างที่สุด เม่นของคุณอาจจะเคยถูกทอดทิ้ง แต่ตอนนี้มีชีวิตเลอเลิศแล้ว จงนำเรื่องราวทั้งหลายของพวกเขามาเล่าแชร์ทุกวัน จงไปให้ไกลกว่าแค่ภาพถ่าย วิดีโอ จงปฏิบัติต่อผู้ติดตามแอคเคาน์ของคุณเสมือนว่าเป็นมามี้-แดดดี๊ของเจ้าลูกน้อยขนฟูด้วยกันกับคุณ เจน เปะฮ์แนะนำอย่างนั้น

อินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงเป็นวิธีจูงใจผู้บริโภคที่ได้ผลจริงๆ โดยเน้นผู้บริโภคกลุ่ม Millennial

พร้อมนี้เจน เปะฮ์ ยืนยันมั่นใจกับ global-perspectives.org.uk ว่าการใช้อินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงเป็นวิธีจูงใจลูกค้าที่ได้ผลจริงๆ เธอบอกว่าในปี 2024 แรงงานกว่า 75% เป็นคนกลุ่มสหัสวรรษที่ 3 หรือก็คือกลุ่ม Millennial ดังนั้น แบรนด์ต่างๆ จะใช้สัตว์เลี้ยงเป็นประตูเปิดเข้าไปสื่อสารกับผู้บริโภคกลุ่มนี้ ซึ่งส่วนใหญ่จะรักสุนัข แมว และสัตว์เลี้ยงต่างๆ เมื่อสื่อสารด้วยสิ่งที่ชาว Millennial รัก ก็จะทำให้พวกเขาสนใจฟัง

โฆษณาชุด dogsofMercedes ของเบนซ์แคนาดา คือตัวอย่างที่ดี

ทั้งนี้ สัตว์เลี้ยงผู้ทรงอิทธิพลสามารถผูกโยงเข้ากับสินค้าได้อย่างกว้างขวาง ทั้งของสำหรับน้อนๆ โดยตรง เช่น อาหาร ขนม เครื่องใช้เครื่องประดับทั้งปวง และสิ่งประดิษฐ์ไฮเทคต่างๆ ไปจนถึงข้าวของเครื่องใช้สำหรับเจ้าของสัตว์เลี้ยงที่เกี่ยวข้องกับน้อน อาทิ เครื่องดูดฝุ่นที่ทำการดูดขนน้อนได้เกลี้ยงเกลาและง่ายดาย โทรทัศน์ให้น้อนดูด้วยกันกับมามี้และแดดดี๊ พื้นผิวของสิ่งต่างๆ ในบ้านและรถยนต์ที่จะไม่เสียหายเมื่อน้อนอยากจะลับเล็บขึ้นมา ไปจนถึงเฟอร์นิเจอร์ที่ปลอดภัยต่อน้อน สิ่งเหล่านี้เป็นไปตามความใส่ใจของมามี้และแดดดี๊ที่เป็นห่วงความกินดีอยู่ดีของลูกน้อยขนฟู

บริษัท The Woof Agency เชื่อว่าในยุคสมัยนี้ สัตว์เลี้ยงเป็นแหล่งให้การสนับสนุนทางอารมณ์แก่คนเรา การได้เฝ้าดูภาพถ่ายและคลิปวิดีโอของน้อนๆ เซเลบตัวโปรดบนโซเชียลมีเดีย การได้อ่านเรื่องราวของพวกเขา ได้หัวเราะ ได้น้ำตาซึมกับความสุข-ทุกข์ของพวกขา คนเราก็มีความสุข

ในเวลาเดียวกัน จำนวนผู้ที่ตัดสินใจมีสัตว์เลี้ยงเป็นของตนเองก็สูงขึ้นเรื่อยๆ โดยมีตัวเลขของปี 2020 บอกว่าคนในสหรัฐฯ ใช้จ่ายเกี่ยวกับสัตว์เลี้ยงมากกว่า 1 แสนล้านดอลลาร์ แบรนด์ต่างๆ ทราบถึงเรื่องนี้กันเป็นอย่างดี และแย่งกันครอบครองส่วนแบ่งตลาดสินค้าสำหรับสัตว์เลี้ยงอย่างดุเดือด อาวุธลับที่จะคว้าส่วนแบ่งในตลาดนี้ได้ ก็คือใช้น้อนๆ ดาราระดับแม่เหล็กดึงดูดใจของพวกมามี้-แดดดี๊นั่นเอง

“อินฟลูเอนเซอร์สัตว์เลี้ยงมีข้อได้เปรียบเยอะค่ะ เพราะคนเราล้วนแต่รักพวกเขา พวกเขาน่ารัก ไม่มีใครชังเด็กๆ เหล่านี้ได้ลงคอหรอกค่ะ” คุณเจนกล่าวด้วยความมั่นใจ บริษัทตัวแทนดาราสัตว์เลี้ยงของเธอ มีดาราในความดูแลมากมายประมาณ 6,000 รายกันเลยทีเดียว เอเอฟพีรายงานอย่างนั้น

#อินฟลูเอนเซอร์ ในไทย
#อินฟลูเอนเซอร์ รายได้
#อินฟลูเอนเซอร์ สายไหน
#อินฟลูเอนเซอร์ ภาษาอังกฤษ
#อินฟลูเอนเซอร์ สายสุขภาพ
#อินฟลูเอนเซอร์ influencer คือ
#เรท ราคา อิน ฟ ลู เอน เซอร์
#อิน ฟ ลู เอน เซอร์ ไทย มีใคร บ้าง

โดย รัศมี มีเรื่องเล่า

(ที่มา: เอเอฟพี อินสตาแกรม Lomodoggies global-perspectives.org.uk Alltvspots.com เซาท์ไชน่ามอร์นิ่งโพสต์ / https:// www.mgronline.com/around/detail/9640000094677)

 
Posted : 24/09/2021 9:46 am
Share: